…. ข่าว "วงใน ลึก จริง" …

ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. เพื่อไทย “ขยายการช่วยเหลือข้ามเขต” หวังนำเอารูปแบบ The strategic business unit มาใช้

23 ก.ย. 2564 ดร.โกสินทร์ สุทธิรัตน์ ว่าที่ผู้สมัคร สก. เขตคลองสาน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าตนได้หารือกับ ดร.ณพลเดช มณีลังกาว่าที่ผู้สมัคร สก.เขตสัมพันธวงศ์ ในการช่วยเหลือกันแบบ The strategic business unit หรือมิติ City zone specialization ที่เป็นการดึงเอาความสามารถของการบริหารเขตในแบบประเทศที่เจริญแล้วมาประสานการทำงานช่วยเหลือกัน โดยหลักการคือนำเอาจุดเด่นระหว่างเขตและตัวแทนของเขตมาช่วยเหลือกัน เนื่องด้วยรูปแบบการเลือกตั้ง สก.กรุงเทพฯ หรือสภาผู้แทนกรุงเทพมหานคร ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ในความเป็นจริงแล้วกรุงเทพฯ มีความแตกต่างในการบริหารแต่ละเขตอย่างมากโดยเฉพาะเขตเมืองชั้นนอกและชั้นใน สำหรับในการบริหารประเทศไทยมีการแบ่งย่อยกันในรูปแบบ อบจ. เทศบาล และ อบต. แต่กลับกัน กรุงเทพฯเป็นเมืองที่ใหญ่มาก แต่กลับเลือกตั้งเพียงชั้นใหญ่หรือเทียบเท่า อบจ. เพียงชั้นเดียวซึ่งรูปแบบของกฎหมายอาจวางการบริหารที่แตกต่างจากประเทศที่พัฒนาแล้ว ทำให้อำนาจอยู่ในมือผู้ว่าราชการกรุงเทพฯเพียงคนเดียว แต่กลับกัน สก. กลับมีหน้าที่เพียงโหวตแบบฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ไม่ได้มีหน้าที่มาบริหาร จึงค่อนข้างที่จะขัดกับการเลือกตั้งที่ต้องการเสียงประชาชนมาสนับสนุนเพื่อพัฒนาเขตพื้นที่เป็นการเฉพาะ วันนี้เราจึงทดลองเรื่องผสานความร่วมมือโดยในเขตคลองสานมีความพร้อมเรื่องพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อโควิด จึงเข้ามาทดลองเป็นลำดับแรกที่จะพ่นในพื้นที่ชุมชน และวันนี้ได้โอกาสดีที่มีโอกาสเข้าไปพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ รอบกุฏิของ เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ และรอบกุฏิเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือสมเด็จธงชัย พร้อมทั้งพ่นรอบบริเวณวัดไตรมิตรวิทยารามฯ เพื่อถวายความปลอดภัยให้กับเจ้าประคุณสมเด็จท่าน

ด้าน ดร.ณพลเดช กล่าวว่า วันนี้เป็นการทดลองในการช่วยเหลือกันระหว่างเขต เพราะปัจจุบันเขตสัมพันธวงศ์เป็นเขตเมืองชั้นใน เป็นย่านธุรกิจ ประชาชนที่ทำงานในเขตสัมพันธวงศ์ มีจำนวนมากที่ข้ามฝั่งเจ้าพระยาไปพักที่เขตคลองสานเพราะค่าเช่าและค่าใช้จ่ายถูกกว่า และด้วยเขตสัมพันธวงศ์มีพื้นที่เล็กเพียง 1.4 ตารางกิโลเมตร การเก็บเครื่องไม้เครื่องมือเครื่องพ่นยาฆ่าเชื้อโควิดและอุปกรณ์ที่สำคัญ เขตคลองสานมีความสามารถที่ดีกว่า ทั้งนี้ตนเห็นว่าด้วยอำนาจหน้าที่ของ สก.ตามกฎหมาย ที่ให้อำนาจเพียง สก.เป็นฝ่ายนิติบัญญัติ อาจจะไม่ตอบโจทย์ ในการแก้ปัญหา กทม. อย่างยั่งยืน เพราะขณะนี้ปัญหาโควิดมีมากมาย แต่กลับกันหากมองอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย สก.แต่งตั้งที่แต่งตั้งมาโดย อำนาจ ม.44 จากคณะ คสช. ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำให้การช่วยเหลือประชาชนไม่ได้อยู่ในอำนาจหน้าที่ เราจึงค่อยไม่เห็น สก.แต่งตั้งลงพื้นที่ไปช่วยเหลือชาวบ้าน แต่กลับกันเราจะเห็นตัวแทนจากพรรคการเมืองที่ยึดโยงกับประชาชนและประชาธิปไตย ที่ลงช่วยเหลือชาวบ้านอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพัน พร้อมหาSolution และรูปแบบต่างๆ ประสานความช่วยเหลือที่จะเข้ามาช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนปลอดภัย และยังมองไปถึงอนาคตในเรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจของประชาชน สิ่งนี้เป็นสิ่งที่คนรุ่นใหม่กำลังคิดที่จะดำเนินการเพื่อผลักดันให้ กทม. ดีขึ้น ดังประเทศที่เจริญแล้ว