…. ข่าว "วงใน ลึก จริง" …

“บิ๊กตู่” สักการะพระพุทธมหาธรรมราชาเพชรบูรณ์ ตรวจติดตามโครงการแก้มลิงผันน้ำฯบรรเทาปัญหาน้ำท่วม

นายกรัฐมนตรีสักการะพระพุทธมหาธรรมราชา ณ พุทธอุทยานเพชรบุระ พร้อมตรวจติดตามโครงการแก้มลิงผันน้ำฯ เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วม จ.เพชรบูรณ์ อย่างเป็นรูปธรรม เยี่ยมชมนิทรรศการการจัดการผลผลิต เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ (24 พฤศจิกายน 2565) เวลา 12.40 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง สักการะพระพุทธมหาธรรมราชา ณ พุทธอุทยานเพชรบุระ ตำบลสะเดียง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติราชการ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์

เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึง นายวิศัลย์ โฆษิตานนท์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ นำเยี่ยมชม “พระพุทธมหาธรรมราชาเฉลิมพระเกียรติ 84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดเพชรบูรณ์ องค์พระเนื้อโลหะหล่อด้วยทองเหลืองบริสุทธิ์ มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ จุดธูปเทียนสักการะ ถวายพวงมาลัย ปิดทอง ตามลำดับ

เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรีตรวจติดตามโครงการแก้มลิงที่ผันน้ำจากแม่น้ำป่าสักมาเก็บไว้ในสระน้ำขนาดใหญ่บริเวณด้านหลังพุทธอุทยานเพชรบุระ ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับน้ำของจังหวัดเพชรบูรณ์ และเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเพื่อช่วยป้องกันและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์อย่างเป็นรูปธรรม

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมใต้ฐานองค์พระพุทธมหาธรรมราชา ประกอบด้วย พระพุทธรูปสำคัญ ๆ ของจังหวัดเพชรบูรณ์ รวมทั้งองค์พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย ก่อนออกเดินทางไปเป็นประธานในพิธี KICK OFF มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ณ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์

เยี่ยมชมนิทรรศการการจัดการผลผลิต เพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน

นายอนุชา เปิดเผยอีกว่า ภายหลังเป็นประธานในพิธี KICK OFF มาตรการช่วยเหลือและยกระดับรายได้ เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/66 ณ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เยี่ยมชมนิทรรศการโครงการจัดการผลผลิตเพื่อยกระดับรายได้เกษตรกรและเพิ่มศักยภาพสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืนผลผลิตมันสำปะหลังปีการผลิต 2565 /66 โดยสหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาด จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถผลิตได้ตรงตามความต้องการของตลาด ขายผลผลิตได้ในราคาที่เป็นธรรม มีตลาดรับซื้อแน่นอน ได้รับเงินปันผลเพิ่ม รู้และเข้าใจช่องทางออนไลน์ของธนาคาร และสามารถจัดการหนี้ได้ตามศักยภาพ นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการขาดทุน ช่วยลดความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ ได้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเต็มศักยภาพผ่านการเชื่อมโยงเครือข่ายสถาบันการเกษตร

จากนั้น นายกรัฐมนตรีชมผลิตภัณฑ์ขิงแปรรูป โดยกิจกรรมวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านทฤษฎีใหม่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะขาม โดยวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรตะกอนขี้นาคแผนใหม่ ผลิตผลทางการเกษตร เช่น ผักสลัด ผักชี ผักกาด และผักพื้นเมืองโดยวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์บ้านวังร่อง และกลุ่มเกษตรอินทรีย์วิถีพอเพียง 459 บ้านเตาไหเหนือ โครงการข้าวรักษ์โลก BCG model ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาข้าวอย่างยั่งยืนตามแนวทางของรัฐบาล โดยสมาคมพัฒนาเศรษฐกิจเกษตรรักษ์โลก กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ

ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีชมการสาธิตตัวอย่างการควบคุมคุณภาพเมล็ดพันธุ์ข้าว การวางแผนการผลิตเมล็ดพันธุ์ การจัดทำแปลงผลิตเมล็ดพันธุ์ การปรับปรุงสภาพการเก็บรักษา ประโยชน์จากการใช้เมล็ดพันธุ์คุณภาพดี และลักษณะเมล็ดพันธุ์ข้าวต่าง ๆ รวมทั้งการใช้โดรนเพื่อการเกษตร และการสาธิตโรงสีข้าวชุมชน นอกจากนี้ ยังมีโครงการส่งเสริมการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวทั่วประเทศ โดยเกษตรกรสามารถลงทะเบียนผ่านศูนย์ข้าวชุมชนระดับหมู่บ้านได้ทั่วประเทศ เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนพันธุ์ข้าว และเกษตรกรทุกครัวเรือนทั่วประเทศไทยมีเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีสำหรับการเพาะปลูกและขยายพันธุ์ในอนาคต

“นายกรัฐมนตรีชื่นชมผลการดำเนินงานที่ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและประชาชน ได้ร่วมมือกันพัฒนา ขับเคลื่อน และดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งการพัฒนา วิจัย และแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เป็นการเปิดโอกาสใหม่ในการนำผลิตภัณฑ์ในชุมชนมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรของไทย อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสู่ตลาดระดับโลกได้มากขึ้นด้วย” นายอนุชาฯ กล่าว