…. ข่าว "วงใน ลึก จริง" …

ปลัดมท.นำพุทธศาสนิกชนฟังพระธรรมเทศนา เฉลิมพระธรรมบารมี”สมเด็จพระพันปีหลวง”

ปลัดมหาดไทยนำพุทธศาสนิกชนสดับพระธรรมเทศนา “อุภินนมัตถจรกถา” เฉลิมพระธรรมบารมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

เมื่อวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าส่วนราชการในสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ข้าราชการ ครู นักเรียน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์และพุทธศาสนิกชนเข้าร่วมสดับพระธรรมเทศนาเฉลิมพระบารมีใน”อุภินนมัตถจรกถา”เฉลิมพระธรรมบารมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระอุโบสถ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

ทั้งนี้ พระราชญาณปรีชา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร เจ้าคณะแขวงบวรนิเวศ (ธ) เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ จุดธุปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จากนั้น นายสุทธิพงษ์ เปิดกรวยถวายเครื่องราชสักการะหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และ กล่าวถวายพระพรชัยมงคล เพื่อเฉลิมพระธรรมบารมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสร็จแล้ว จุดเทียนส่องธรรมหน้าธรรมาสน์ เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล โดยพระราชญาณปรีชาให้ศีลและแสดงพระธรรมเทศนาเฉลิมพระบารมีใน อุภินนมัตถจรกถา (อุ-พิน-นะ-มัด-ถะ-จะ-ระ-กะ-ถา)

พระราชญาณปรีชา ได้แสดงพระธรรมเทศนา โดยมีใจความโดยสรุปว่า “อุภินนมัตถจรกถา”เป็นบทพระธรรมเทศนาที่แสดงอรรถาธิบายพระบรมพุทโธวาทของสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าด้วยความประพฤติให้สำเร็จประโยชน์เพื่อตนและเพื่อผู้อื่น ด้วยการอบรมเจริญคุณธรรมสำคัญ 3 ประการให้มีพร้อมขึ้นในตน ได้แก่ “ศีล”คือการรักษากายวาจาให้เป็นปรกติเรียบร้อย “ปัญญา” คือความฉลาดรอบรู้ หรือความรู้ชัดในเหตุและผล และ “สุตะ” คือการศึกษาเล่าเรียน เป็นผู้ได้ยินได้ฟังมาก ธรรมะทั้ง 3 ประการนี้ ต่างอาศัยกันและกันเป็นไปจึงจะส่งผลสมบูรณ์ ให้ได้บำเพ็ญประโยชน์ตนเองและประโยชน์ผู้อื่นได้ทั้งสองสถาน หากประชาชนสามารถเจริญธรรมะทั้ง 3 ประการให้พรั่งพร้อม จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนและแก่สังคมส่วนรวม

อีกทั้งเป็นการฉลองพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้สมดังพระราชปณิธานแห่งธรรมราชินี สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงบริบูรณ์ด้วยพระราชธรรมจริยาอันปรากฏให้มหาชนทั่วหน้าได้ประจักษ์ว่า ทรงพรั่งพร้อมด้วย “ศีลธรรม” ทรงเป็นผู้มีศีล มีปัญญา และมีสุตะ ครบถ้วนทั้งสามสถาน และทรงแน่วแน่ในพระราชปณิธาน ที่จะเอื้ออำนวยประโยชน์สุขให้บังเกิดแก่ประชานิกรตลอดมา ทรงตรากตรำบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างต่อเนื่องเนิ่นนานมาจนพระชนมายุลุเขตชรา อย่างมิเห็นแก่ความลำบากพระวรกาย เป็นดั่ง “ศีล” หรือปรกติแห่งพระองค์ผู้ทรงเป็นมารดาประชาชาติไทย ทรงพระวิจารณปัญญาสอดส่องเห็นการณ์ไกลตามวิสัยแห่งอัจฉริยนารี พระราชทานประทีปนำทางปัญญาด้วยพระราชมธุรวาจาอันอ่อนหวานละมุนละม่อม ถึงพร้อมด้วยปรัชญาและสารัตถประโยชน์ ช่วยชุบชีวิตผู้คน สรรพสัตว์ และพืชพรรณ ให้ผ่านพ้นพิบัติภัยจนได้รับความผาสุกสวัสดี

ทั้งนี้ ก็ด้วยวิถีแห่ง “ปัญญา” ซึ่งล้วนเกิดขึ้นด้วยพระราชวิริยอุตสาหะอันแรงกล้าในทาง “สุตะ” คือความใฝ่พระราชหฤทัยศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม นำให้พระองค์ทรงสำเร็จประโยชน์ส่วนพระองค์และประโยชน์ส่วนมหาชนโดยครบถ้วนทุกประการ สถิตเสถียรในพระราชสถานะ “คุรุฐานียะ” คือครูผู้ประเสริฐ และทรงเป็น “ปูชนียะ” คือบุคคลที่พึงเคารพบูชาสำหรับปวงประชาชาติไทยได้อย่างแท้จริงเราทั้งหลายพึงปฏิญาณใจน้อมนำพระราชธรรมจริยาสัมมาปฏิบัติ ที่เป็นนิทัศน์นำทางอย่างประเสริฐ ไปเทิดเกล้าสวมจิต สร้างเนติต้นแบบการประพฤติปฏิบัติตน จนกระทั่งเป็นผู้ถึงพร้อมสมบูรณ์ด้วยศีล ปัญญา และสุตะ ตามนัยแห่งพระพุทธานุศาสนี และตามทางพระราชกุศลธรรมวิธีสืบไป

ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า “อุภินนมัตถจรกถา” เป็นพระธรรมเทศนา เฉลิมพระธรรมบารมี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยอาราธนาให้สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม รจนาขึ้น สำหรับวัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักรจะได้แสดงพระธรรมเทศนานี้ โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และอบรมขัดเกลาจิตใจประชาชน ถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษา 12 สิงหาคม 2565

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า พระธรรมเทศนากัณฑ์นี้มีเนื้อหาสาระกล่าวถึงพระราชปณิธาน พระราชกรณียกิจ และพระราชจริยวัตรของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งบริบูรณ์พร้อมด้วยพระราชธรรม ทรงพากเพียรอบรมขัดเกลาพระองค์ให้บริบูรณ์ด้วยศีล ปัญญา และสุตะ โปรดทรงศึกษาหาความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นพระคุณสมบัติส่วนพระองค์ ที่ช่วยเสริมส่งพระธรรมบารมีให้เพิ่มพูน ยังให้ทรงพร้อมเสมอที่จะทุ่มเทกำลังพระวรกาย พระราชหฤทัย พระสติปัญญา และพระราชทรัพย์เพื่อเกื้อกูลประโยชน์สุขของประชาชนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง อย่างไม่หวาดหวั่นต่อภยันตรายที่อาจบังเกิดมีและไม่ทรงคำนึงถึงความเหนื่อยยากลำบากพระวรกาย เคียงข้างพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

อย่างไรก็ตาม ด้วยพระราชหฤทัยซื่อตรงจงรักมาเนิ่นนานตลอดเจ็ดทศวรรษ พระองค์ทรงพระขันติธรรมเข้มแข็งในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ และทรงพระเมตตาการุณยธรรมแก่ชีวิตผู้คน สรรพสัตว์ ตลอดจนพืชพรรณ หาได้จำกัดเฉพาะเพียงเพื่อคนไทยหากยังเป็นไปเพื่อประโยชน์ของชาวโลกโดยส่วนรวมอีกด้วย.พระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจทั้งปวง ล้วนสอดคล้องต้องตรงกับพระธรรมภาษิตของพระโพธิสัตว์ ซึ่งเสด็จอุบัติมาตรัสรู้ผู้เป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ปัจจุบัน ที่ทรงสั่งสอนไว้ว่า “ผู้ใดเห็นศีล ปัญญา และสุตะ มีในตน ผู้นั้นย่อมประพฤติประโยชน์เพื่อตนและผู้อื่นได้ทั้งสองฝ่าย” ควรที่พสกนิกรทุกหมู่เหล่าจะได้น้อมนำพระพุทธธรรมและพระราชธรรมจริยา ไปเป็นแบบอย่างทางประพฤติ ให้สมบูรณ์ด้วยศีล คือรักษาศีล 5 ให้สม่ำเสมอได้เป็นอย่างน้อย และอบรมเพิ่มพูนความรู้คู่คุณธรรมให้ทวียิ่งขึ้นเสมอ ซึ่งจะอำนวยประโยชน์สองสถาน เป็นความรุ่งเรืองทั้งแก่ตนสถานหนึ่ง และแก่ส่วนรวมอีกสถานหนึ่งได้ไปพร้อมกัน

นายสุทธิพงษ์ กล่าวย้ำให้ประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้มีโอกาสสดับพระธรรมเทศนา น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ มุ่งมั่นศึกษาทำความเข้าใจในพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง อันเพียบพร้อมด้วยพระราชธรรม เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจและปณิธานอันแน่วแน่สำหรับตนในการเจริญศีล ปัญญา สุตะให้ถึงพร้อม จะได้บังเกิดประโยชน์สองสถาน คือ ประโยชน์ตนควบคู่ไปกับประโยชน์ส่วนรวม ตามนัยแห่ง “อุภินนมัตถจรกถา” สมตามกุศลเจตนาของกระทรวงมหาดไทยซึ่งได้ร่วมมือกับคณะสงฆ์ในการฉลองพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ผู้ทรงเป็น “แม่แห่งชาติ” เนื่องในมหามงคลสมัยสำคัญยิ่งนี้

ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยขอเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศร่วมสดับพระธรรมเทศนาเฉลิมพระบารมีใน”อุภินนมัตถจรกถา”เฉลิมพระธรรมบารมีสมเด็จพระพันปีหลวงได้ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยสามารถติดตามรายละเอียดวัดได้ที่ศาลากลางจังหวัดทุกแห่ง ขณะที่ในส่วนกลางกำหนดจัดทุกวันศุกร์โดยจะมีการเวียนไปตามวัดต่างๆทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งการจัดให้ร่วมสดับพระธรรมเทศนาเฉลิมพระบารมีใน”อุภินนมัตถจรกถา”จะมีไปจนถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2566