…. ข่าว "วงใน ลึก จริง" …

กกต.พร้อมแล้วจัดเลือกตั้งใหญ่! “ชัชชาติ” เผยเคล็ดลับทำการเมืองรูปแบบใหม่ ต้องทำโซเชียลทุกแพลตฟอร์ม

เมื่อวันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่สโมสรทหารบก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โดยสถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง ได้จัดให้มีงานสัมมนานำเสนอยุทธศาสตร์ของนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 12 (พตส. 12) เรื่อง “ยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาการเมือง” โดยนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวเปิดการสัมมนาตอนหนึ่งว่า ถือได้ว่าการจัดอบรมหลักสูตร พตส. 12 แม้จะเจอสถานการณ์โควิด แต่ก็จัดอบรมได้ตามวัตถุประสงค์ทุกประการ เชื่อว่าสิ่งที่นำเสนอวันนี้มาจากการระดมความคิดของนักศึกษาแต่ละคน ทั้งนี้หลังจากผ่านการวิพากษ์โดยนักวิชาการผู้มีความรู้แล้ว ก็เชื่อว่าจะกลายเป็นเอกสารที่ทรงคุณค่าที่สถาบันการเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาการเมืองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไปได้ ซึ่งจะนำมาซึ่งความมีเสถียรภาพทางการเมือง และการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

นายอิทธิพร ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะเป็นบทเรียนสู่การเลือกตั้งใหญ่หรือไม่ ว่า สำนักงาน กกต. จะถอดบทเรียนจุดที่ เป็นจุดแข็ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง อบจ. อบต. เทศบาล กทม. จะนำจุดที่ดีมาพัฒนาต่อ และนำจุดบกพร่องมาแก้ไขให้ดีขึ้น

“อย่างกรณีการเลือกตั้ง กทม. บทเรียนที่ดีที่พิจารณาแล้วเห็นว่าน่าจะเอามาเป็นแบบอย่าง ขยายผลให้การจัดการ การเตรียมการเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่ว่าจะเป็นระดับใดก็ตาม มีความถูกต้องมากที่สุด กทม.ที่เลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 65 ไม่มีหน่วยไหนมีบัตรเขย่ง หรือจำนวนผู้มีสิทธิ์จำนวนบัตรไม่เท่ากัน ซึ่งตรงนี้เป็นจุดแข็งที่เราจะนำมาใช้ในการเตรียมการให้ดีขึ้น” ประธานกกต. กล่าว

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าทาง กกต. ได้รับสัญญาณมาบ้างหรือไม่นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับสัญญาณ กกต.จะเริ่มทำการเตรียมเลือกตั้งที่จะมีขึ้นตามวาระ ประมาณ 6 เดือน ก่อนถึงเวลานั้น ซึ่งการครบวาระของการเลือกตั้งครั้งต่อไป คือ วันที่ 24 มี.ค. 66 ซึ่ง กกต. เตรียมการประชุมระดับ ผอ. ทั่วประเทศเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา หากนับเวลาจะครบ 6 เดือนพอดี ซึ่งถึงเวลาที่ต้องเตรียมการแล้ว มีพัฒนาการเรื่องการแก้ไขพ.ร.ป. ส.ส. และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง คือการนับหนึ่งเดินหน้าไปสู่การเตรียมการ

เมื่อถามย้ำว่า หากมีการยุบสภาก่อนถึงวาระ กกต.พร้อมจัดการเลือกตั้งหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า คิดว่าพร้อม เนื่องจากกรณียุบสภา จะมีเวลา 60 วัน ในการเตรียมการ ซึ่งกกต.ได้เตรียมการในเบื้องต้น โดยการแบ่งเขตเลือกตั้งให้เป็นไปตามเขตเลือกตั้งใหม่ จาก 350 เป็น 400 เขต ทุกจังหวัดได้เตรียมไว้แล้ว เพราะฉะนั้น เชื่อว่า กกต. เตรียมการทัน อย่างไรก็ตาม หากมีการยุบสภาก่อนกฎหมายลูกทั้งสองฉบับจะแล้วเสร็จ มองว่ากรณีเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น

ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปาฐกถานำ เรื่อง “จากเล็กสู่ใหญ่ : มองการเมืองและประเทศ ไทยแบบ 360 องศา” ตอนหนึ่งว่า จุดเริ่มต้นของตนเริ่มคนเดียว เมือปี 2562 ตนเชื่อว่าทุกคนสามารถเข้าสู่การเลือกตั้งได้ ไม่ว่ามีพรรคไม่มีพรรค แต่ถ้ามีคอนเซ็ป มีไอเดียความตั้งใจก็สามารถเอาชนะในการเลือกตั้งได้

“ทั้งนี้สิ่งสำคัญคือต้องมียุทธศาสตร์ ซึ่งต้องเริ่มตั้งแต่การหาความรู้ หาแนวร่วม จากคนทุกช่วงวัย นอกจากนั้นจะต้องหาผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้หลายๆด้านเข้ามา เพราะเราไม่สามารถมีความรู้ความเชี่ยวชาญในทุกเรื่องได้ จึงต้องหาแนวร่วม อย่าหาจุดต่างแต่ต้องหาจุดร่วม ทั้งนี้ข้อดีของการที่ตนเป็นผู้สมัครอิสระ ก็ทำให้หาแนวร่วมง่ายขึ้น เพราะคนมองว่าการร่วมกับพรรคการเมืองเป็นเรื่องที่น่ากลัว ทั้งนี้แนวคิดคือให้สงสัยในสิ่งที่เรารู้ ว่ามีอะไรต้องอัพเดตให้ทันสมัยหรือไม่ และให้ยำเกรงว่าสิ่งที่เราไม่รู้มีมากกว่าสิ่งที่เรารู้ “

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้การเมืองแบบใหม่ ต้องมีการทำโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม หากอยากสื่อสารเข้าถึงคนทุกช่วงวัย ต้องมีทุกช่องทาง อย่างเฟซบุ๊กคือคนอายุเยอะ ส่วนอินสตาแกรมและทวิตเตอร์ คือคนรุ่นใหม่ หรือเด็กจบใหม่ และ Tiktok จะเป็นกลุ่มเด็กที่สามารถเจาะกลุ่มเด็ก 8 ขวบ เพื่อไปบอกพ่อแม่ให้ลงคะแนนเสียงได้เช่นกัน ซึ่งตนคิดว่าการได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่ากทม.ได้คะแนนเสียงมาจากการหาเสียงในโซเชียลมีเดียกว่า 20% ซึ่งถือเป็นการเมืองรูปแบบใหม่ เพราะการทำงานการเมืองต้องหาวิธีการสื่อสาร แม้เราจะทำงานหนักหรือมียุทธ ศาสตร์ที่ดี แต่สื่อสารไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งการเมืองสมัยใหม่ต้องเข้าถึงคนมากขึ้น ขณะเดียวกันจะต้องเปิดเผยข้อมูลจะทำให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบมากขึ้น นอกจากนั้นการใช้แพลตฟอร์ม Traffy Fondue (ทราฟฟี่ฟองดูว์) เป็นการเปลี่ยนจากราชการ โดยใช้แพลตฟอร์มที่ช่วยแก้ปัญหาประชาชนได้เร็วขึ้น และสามารถประสานการทำงานกับหน่วยงานอื่นได้รวดเร็ว อนาคตอาจจะใช้เป็นแพลตฟอร์มเชื่อมทั้งประเทศได้เลย

นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ตนเชื่อเรื่องทำจากเล็กไปใหญ่ แม้งาน กทม.จะถือเป็นงานเล็ก แต่งานเราไม่ได้มีแค่นี้ เพราะเราสร้างความมั่นใจความเชื่อมั่นให้กับระบอบประชาธิปไตย ว่าเป็นระบอบที่ทรงพลังที่จะสามารถเลือกคนที่ดีและให้คำตอบกับประเทศ

“เพราะที่ผ่านมาคนหมดหวังกับระบอบประชาธิปไตย หมดหวังกับระบอบเลือกตั้ง ดังนั้นหน้าที่เราจึงต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบอบ เพื่อให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์ได้ ขณะที่หน้าที่ของ กกต.ไม่ใช่แค่จัดเลือกตั้ง แต่ต้องสร้างความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย และสร้างความโปร่งใสได้ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ไม่ได้รู้สึกว่านักการเมืองน่ารังเกียจ นั่นคือการสร้างระบบจากฐานรากว่าประชาธิปไตยมีความหมาย และสร้างคำตอบให้ประเทศได้”นายชัชชาติ กล่าว