“…….หัวใจของการปฏิรูปตำรวจที่แท้จริง นอกจากต้องจัดโครงสร้างองค์กรใหม่ ทำให้ตำรวจบางหน่วยไม่มียศและระบบบังคับบัญชาแบบทหาร เช่น งานสายการแพทย์ พยาบาล งานพิสูจน์หลักฐาน และการสอนในสถานศึกษา ปรากฏอยู่ในมาตรา 9 (2) ของร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับมีชัย
รวมทั้งกำหนดตำแหน่งสายงานสอบสวนให้เป็นเช่นเดิมก่อนมีประกาศ คสช.ยุบเลิกไป โดยให้มีการแต่งตั้งได้เฉพาะในสายปรากฏอยู่ในมาตรา 77
จะส่งผลทำให้งานสอบสวนมีความเป็นอิสระจากหัวหน้าสถานีหรือหัวหน้าตำรวจจังหวัดซึ่งมีหน้าที่ตรวจตราป้องกันอาชญากรรม จับผู้กระทำผิดซึ่งหน้าส่งให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานกันด้วยความยุติธรรมมากขึ้น
แต่หัวใจสำคัญในสองเรื่องนี้กลับหายไป! เมื่อนายกรัฐมนตรีได้ส่งร่างกฎหมายไปให้ตำรวจแห่งชาติพิจารณา
กลายเป็นว่าได้มีการร่างขึ้นใหม่ทั้งฉบับ โดยผู้ปฏิบัติงานสายการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ผู้เก็บรวบรวมและตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานยังคงมียศและวินัยแบบทหารเช่นเดิมต่อไป!
โดยอ้างว่าได้มีการบัญญัติไว้ให้นักวิทยาศาสตร์มีอิสระในการปฏิบัติหน้าที่แล้วตามมาตรา 8 วรรคสอง
แต่ภายใต้โครงสร้างองค์กรและระบบการปกครองแบบมีชั้นยศและวินัยแบบทหารของตำรวจเช่นทุกวันนี้
ความเป็นอิสระทั้งเจ้าพนักงานพิสูจน์หลักฐานและพนักงานสอบสวน ย่อมไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในความเป็นจริง!
โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนทุกคนยังคงอยู่ในสภาพ "ทาสสอบสวน"
ถูกพันธนาการด้วย “โซ่ตรวน” ตามชั้นยศ รวมทั้งระบบการปกครองและวินัยแบบทหาร!
การสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจึงต้อง "ทำตามสั่ง" ของเจ้านายที่เป็น "พนักงานสอบสวนผู้ไม่รับผิดชอบ" ซึ่งหลายครั้งสั่งในที่ประชุมโขมงโฉงเฉงอย่างนั้นอย่างนี้ โดยที่ไม่ต้องปรากฏหลักฐานการสั่งอะไรในสำนวนให้ต้องรับผิดชอบ!
แต่ "ทาสสอบสวน" ทุกคน ก็ยังต้องก้มหน้าปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็น "การสอบสวนทำลายพยานหลักฐาน" เพื่อ "ล้มคดี " หรือ "ยัดข้อหา" ประชาชน ออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหา หรือ เสนอศาลออก "หมายจับ" ก็ตาม!.
(อ่านบทความทั้งหมด/คลิก)
https://www.ijrforum.org/content/4506/
canada cialis paypal – xtadalafix.com cialis average cost