…. ข่าว "วงใน ลึก จริง" …

“ณพลเดช” “เล็ง” จัดหาวัคซีนเพิ่ม 1,200,000 โดส เปิดรับนักท่องเที่ยวสู่เยาวราช หลังลงสำรวจยอดฉีดวัคซีนโครงการสำเพ็งเยาวราชโมเดลไม่เพียงพอ!!

29 พ.ค. 2564 เวลา 18.00 น. ที่ถนนเยาวราช ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาฯ และประธานชมรมสามมิตรสัมพันธวงศ์ ได้นำทีมงานพรรคเพื่อไทยสัมพันธวงศ์ ลงสำรวจยอดและเชิญชวนในการลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีนในโครงการสำเพ็ง-เยาวราชโมเดลจำนวน 100,000 โดส จากการสำรวจพบว่ายังมีหลายกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการลงทะเบียนรวมถึงสับสนว่าฉีดที่ไหนดี ซึ่งต้องยอมรับว่าจากประชากรในเขตสัมพันธวงศ์กว่า 2.4 หมื่นคน แต่มีประชากรแฝงและประชากรที่เข้ามาทำงานในพื้นที่รวมถึงชาวต่างด้าวที่เข้ามาทำงานจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้จำนวนวัคซีนจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ 

ในเบื้องต้นตนได้ประสานไปยังนายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมให้กับประชาชนที่ตกหล่น โดยส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานที่เข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมยานยนและเหล็กที่กระจายอยู่ทั่วในพื้นที่เยาวราช-สัมพันธวงศ์ อีกทั้งในย่านสัมพันธวงศ์ถือเป็นแหล่งธุรกิจที่เป็นศูนย์กลางของสำนักงานใหญ่ ในหลายอุตสาหกรรม ขณะที่นายเกรียงไกรเธียรนุกุล กล่าวว่า สามารถขอวัคซีนได้โดยทำหนังสือเข้ามาขอในนามบริษัทห้างร้าน เพื่อขอแบ่งสัดส่วนของวัคซีนชิโนฟาร์ม ซึ่งขณะนี้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้สั่งซื้อไปยังราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์แล้วจำนวน 300,000 โดส คาดว่าจะได้รับช่วยเดือน มิ.ย. ที่จะถึงนี้

ดร.ณพลเดช กล่าวเพิ่มอีกว่า จากที่ตนเองได้เคยทำหนังสือถึงประธานาธิบดีสีจิ้นผิง เพื่อขอรับการสนับสนุนวัคซีนโดยเน้นวัคซีนชิโนฟาร์ม ที่เป็นวัคซีนคุณภาพ ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก ขณะนี้ได้ฉีดวัคซีนให้ประชาชนจีนแล้วคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของการฉีดทั้งประเทศ ซึ่งล่าสุดนายหยาง ซิน (Mr.Yang Xin) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ที่แนะนำให้ประเทศไทยทำจดหมายขอรับการสนับสนุนวัคซีนจากจีน 1 ล้านโดสไปแล้วนั้น ในขณะนี้ชิโนฟาร์มก็ได้ผ่าน อย. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าจะได้รับการสนับสนุนเร็วๆ นี้ สำหรับโครงการสำเพ็ง-เยาวราชโมเดล จะให้วัคซีนกับประชาชนโดยเริ่มจากวันที่ 15 มิ.ย. คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 20 วันจะให้วัคซีนแล้วเสร็จครบ 50,000 โดส ทำให้พื้นที่เยาวราชสัมพันธวงศ์จะสามารถกลับมาค้าขายและเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นจุดแรกของประเทศไทย ตนเห็นว่าหากจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวให้กับเขตเศรษฐกิจเช่นเยาวราช ฯลฯ จะต้องสร้างเกราะภูมิคุ้มกันโดยให้วัคซีนให้กับประชาชนและเปิดรับนักท่องเที่ยวให้เร็วที่สุด เพราะอาวุธที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือวัคซีน และขั้นตอนถัดไปคือแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศด้วยเม็ดเงินที่หมุนภายในประเทศไม่เพียงพอที่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจในประเทศ ในเบื้องต้นตนจะประสานไปยังกลุ่มอุตสาหกรรม บริษัทเอกชน สมาคม มูลนิธิ ร้านค้าสถานพยาบาล ฯลฯ ลงขันเพื่อขอซื้อวัคซีนไปยังราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ที่จะเข้ามา 20 ล้านโดส รวมถึงจัดหาวัคซีนของบริษัทอื่นๆ ที่จะมีช่องทางได้ทั้งการรับบริจาคและจัดซื้อ เพื่อเตรียมวัคซีนจำนวน 1.2 ล้านโดส เปิดรับนักท่องเที่ยวบินตรงสู่ไทย มุ่งตรงสู่เยาวราชเพื่อรับวัคซีนรวมถึงบริจาคให้ประชาชนที่ด้อยโอกาสในพื้นที่ โดยไม่แสวงหาผลกำไร การเปิดโอกาสดังกล่าวจะเพิ่มยอดนักท่องเที่ยวสู่ประเทศไทยได้ในยามประเทศวิกฤติ

ดร.ณพลเดช ยังกล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับเรื่องความปลอดภัยว่าจะมีเชื้อโควิดเข้ามาเพิ่มในไทยหรือไม่นั้น สิ่งนี้ไม่ต้องกลัวเพราะมีมาตรการกักตัวตามกฎหมายก่อนเข้าประเทศอยู่แล้ว โดยตนจะเร่งประสานเพื่อให้สามารถเริ่มเปิดรับนักท่องเที่ยวบินตรงสู่ไทยและมุ่งสู่เยาวราชประมาณ ก.ค.- ส.ค. 64 นี้ และทำการเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวและเขตเศรษฐกิจอื่นๆ หากกลับมาดูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในปี 2560 ที่ผ่านมาหรือก่อนพิษโควิด19 ไทยสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 2.76 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน(GDP) ทำให้ GDP เพิ่มถึง 4.1% มีรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 1.8 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 35.3 ล้านคน แต่เมื่อปีที่แล้ว พ.ศ.2563 GDP ไทยปี 2020 ถดถอยติดลบ 6.1% ต่ำสุดในรอบ 22 ปี รายได้การท่องเที่ยวลดลงจากปีก่อนร้อยละ 83 คิดเป็นรายได้เพียง 332,013 ล้านบาท สำหรับการเตรียมวัคซีน 1.2 ล้านโดส จะสามารถบริการให้กับนักท่องเที่ยวและประชาชนได้ในระยะแรก 6 แสนคน จะเป็นจุดเริ่มต้นการแก้ปัญหานี้หากประสบความสำเร็จคาดว่าประชาชนสามารถฟื้นเศรษฐกิจภายในปีนี้หรือไตรมาสแรกของปี 2565 นี้ได้พอสมควรและจะสามารถขยายจำนวนวัคซีนเพิ่มขึ้นต่อไป หากไม่ดำเนินการด้วยกลยุทธ์ใดๆ ตนยังไม่เห็นโอกาสที่ประชาชนจะฟื้นไข้จากพิษโควิดและพิษเศรษฐกิจได้เลย ดร.ณพลเดช กล่าว

ด้าน ม.ร.ว.จิราคม กิติยากร ประธานชมรมรวมใจภักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยตนก็มีเชื้อสายจีน ก็เห็นด้วยกับนายหยาง ซิน (Mr.Yang Xin) อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทยที่แนะนำให้ประเทศไทยทำจดหมายขอรับการสนับสนุนวัคซีนจากจีน 1 ล้านโดส นั้น เพราะเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างประเทศไทยและประเทศจีน และในขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หากมีประเทศใดยื่นไมตรีเข้ามาช่วยเหลือช่วยสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยไม่มีวันลืม อย่างไรก็ตามตนจะช่วยประสานงานเพื่อประสานความช่วยเหลือด้านวัคซีนจากประเทศจีนอีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือชาวไทยยามยากลำบาก

ด้าน ม.ล.สัญชัย ทองแถม รองประธานชมรมรวมใจภักดิ์ กล่าวว่า หากเป็นการเดินคู่ขนานระหว่างให้วัคซีนกับคนไทยและจัดจำหน่ายวัคซีนให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในเมืองไทย จะเป็นการดำเนินการป้องกันคนไทยและขับเคลื่อนเศรษฐกิจคู่ขนานไปกับการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและประเทศชาติ หากวางแผนให้ดีเราจะสามารถดูแลคนไทยให้ปลอดภัยจากโควิดขณะเดียวกันก็จะเป็นการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไปในเวลาเดียวกัน ถือเป็นการยิงนกครั้งเดียวได้นก 2 ตัว ม.ล.สัญชัย กล่าว

3 thoughts on ““ณพลเดช” “เล็ง” จัดหาวัคซีนเพิ่ม 1,200,000 โดส เปิดรับนักท่องเที่ยวสู่เยาวราช หลังลงสำรวจยอดฉีดวัคซีนโครงการสำเพ็งเยาวราชโมเดลไม่เพียงพอ!!

  1. Eighth grade games: So when I was in the eighth grade, science class was the most boring hours of my life. Everyone would play games on their computers (we used computers to take notes) but would play them in a super sneaky manner (volume down, looking at the board so it looks like you’re taking notes, etc.). I wasn’t one for playing games during class but I was soooo bored…so I searched up Pac-Man on Google and started playing (I didn’t know what else to play). So I started playing and just my luck I didn’t check how high my volume was….IT WAS ALL THE WAY UP. I started panicking because the game noises were excruciatingly loud. I kept playing and got eaten by a ghost almost after I pressed the start button (my hands were shaking like crazy)….my strict science teacher looked me straight in the eye..

Comments are closed.