…. ข่าว "วงใน ลึก จริง" …

“ชัชชาติ-แพทองธาร” ร่วมเปิดตัวหนังสือสือ “Thaksin Shinawatra Theory and Thought”

​เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เวลา 19.00 น. มีการเปิดตัวหนังสือ Thaksin Shinawatra Theory and Thought มีผู้ร่วมเสวนาได้แก่ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร พร้อมด้วยชาคริต จันทร์รุ่งสกุล ผู้ก่อตั้งบริษัท Fire One One และที่ปรึกษาด้าน Business Transformation ดำเนินการเสวนาโดยธีรัตถ์ รัตนเสวี ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่27 BookExpoThailand2022 ระหว่างวันที่ 12 – 23 ตุลาคม 2565 10.00 – 21.00 น. ชั้น LG ฮอลล์ 5 – 7

“ชัชชาติ” ร่วมชมนิทรรศการ “ฝัน ปัง ดัง รวย : 1 ครอบครัว 1 Soft Power” พรรคเพื่อไทย

ทั้งนี้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานคณะทำงานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พร้อมด้วยนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พรรคเพื่อไทยจัดเต็มพื้นที่ 3 บูธเพื่อสื่อสารนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ชูหลักคิดทางออกเศรษฐกิจไทยที่จะเปลี่ยนชีวิตประชาชนครั้งใหญ่อย่างก้าวกระโดด ในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ Book Expo Thailand 2022 ที่บูธ I40 Exhibition Hall 6 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

น.ส.แพทองธาร ได้เชิญนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เยี่ยมชมห้องนิทรรศการทั้ง 3 บูธ พร้อมอธิบายหลักคิดของนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ว่าในชีวิตทุกคนล้วนมีความฝัน มีจินตนาการเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของมนุษย์ โดยเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก ห้องน้ำจึงเป็นพื้นที่ที่ทุกคนเคยใช้ฟุ้งฝัน แต่ก็เป็นที่ที่เราทิ้งความฝันนี้ลงไปเพราะมันแทบเป็นไปไม่ได้ในโลกความจริง แต่พรรคเพื่อไทยมองเห็นว่า ความคิด ความฝัน ถ้าได้รับความเข้าใจและสนับสนุนอย่างถูกต้องให้มั่นใจในคุณค่าแล้ว จะเกิดเป็นความกล้าในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ทำฝันนั้นให้เป็นจริงได้ แต่ในทางปฏิบัติ จะทำอย่างไรให้ฝันของลูกหลานหรือของประชาชนเป็นจริงได้ เพราะทุกความฝันล้วนมีต้นทุน ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสเข้าถึงความฝันที่มีค่าใช้จ่ายสูงลิ่ว

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า นโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power เห็นความสำคัญที่ไม่ต้องการให้ฝันของใครต้องตกหล่น เราจึงออกแบบให้มีการตั้งศูนย์เรียนรู้ บ่มเพาะ ศูนย์เทรนนิ่ง ให้ประชาชนที่สนใจเข้าต่อยอดความรู้ ประสบการณ์อย่างเป็นขั้นบันได เพื่อให้คนเข้าถึงตั้งแต่ระดับ ตำบล อำเภอ ระดับประเทศจนถึงต่างประเทศ โดยจะประสานความร่วมมือกับโรงเรียน มหาวิทยาลัย จัดจ้างบุคลากร จัดฝึกอบรมเพิ่มพูนทักษะ และถ้าใครมีทักษะศักยภาพที่ดีอยู่ก็จะสนับสนุนให้ไปหาประสบการณ์ต่อในต่างประเทศ ดังนั้น นโยบาย1ครอบครัว 1 Soft Power จึงเป็นนโยบายที่จะเพิ่มโอกาสและขยายศักยภาพสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับประชาชน

นอกจากการค้นหาและพัฒนาศักยภาพของคนแล้ว การหาตลาดของอุตสาหกรรมก็สำคัญ เราจะตั้งหน่วยงานขึ้นมาวางแผนและทำงานอย่างเป็นระบบ one stop service ครบจบในตัว มีงบประมาณและอำนาจประสานหน่วยงานรัฐเพื่อผลักดันสนับสนุนในชื่อ Thacca (ทักก้า) หรือ Thailand Creative Content Agency ที่จะมาทำหน้าที่วางแผนนโยบายพัฒนา ศิลปะ วัฒนธรรม อุตสาหกรรมสร้างสรรค์และทุกกิจกรรมที่สนนับสนุนให้เกิดเป็น Soft Power อย่างเป็นระบบ

“สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันคือ ต้องผลักดันแก้กฎหมายที่เป็นปัญหา เช่น กฎหมายเซนเซอร์ หรือกฎหมายที่เป็นอุปสรรคของทุกอุตสาหกรรม และวิจัยตลาดความต้องการของต่างประเทศเพื่อพัฒนาเป็นนโยบายต่างประเทศ เพื่อการค้าส่งออกและขยายตลาด ให้นโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ได้สร้างโอกาสและรายได้ให้กับคนไทยอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน” นางสาวแพทองธาร กล่าว

โอกาสนี้ นายชัชชาติ ได้ร่วมกิจกรรมเขียนความฝันในบูธของพรรคเพื่อไทยความว่า “ให้กรุงเทพเป็นเมืองที่ดี สำหรับทุกคน” พร้อมกับให้กำลังใจทีมงานพรรคเพื่อไทยว่าขอเป็นกำลังใจให้และร่วมกันทำงานต่อไป

“ชัชชาติ” ตื่นเต้น เปิด “มหกรรมหนังสือ” ครั้งแรกในชีวิต

ก่อนหน้านี้นายชัชชาติ เป็นประธานเปิดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 27 หลังการประชุมสภากรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มาเปิดงานหนังสือ ที่ผ่านมาเป็นเพียงคนซื้อ ทั้งนี้ นโยบายของกทม.เรื่องการอ่านเป็นเรื่องสำคัญมาก ต้องให้ทุกคนเข้าถึงหนังสือได้ง่าย เราอาจจะไม่ได้เน้นเรื่องการมีห้องสมุดมาก แต่เน้นเรื่องบ้านหนังสือที่อยู่ใกล้เด็กและชุมชน ตนมีโอกาสไปเยี่ยมบ้านหนังสือที่ดินแดง ซึ่งไม่มีห้องแอร์ ในเมื่อห้องผู้อำนวยการเขตมีแอร์ได้ บ้านหนังสือก็ต้องมีห้องแอร์ได้ เพราะว่าเด็กต้องใช้เวลาในการอ่านหนังสือจะได้เกิดการพัฒนา ตนเป็นผู้ว่าฯกทม.ได้อย่างไรนั้น คิดว่าส่วนหนึ่งมาจากการอ่านหนังสือ เพราะถ้าเราไม่รู้เรื่องต่างๆดีพอ เราอย่ามาทำงานด้านนั้น จำได้ว่าตอนอาสามาเป็นผู้ว่าฯกทม. 3 ปีที่แล้วสั่งหนังสือจากอเมซอน 30 กว่าเล่มตั้งแต่เรื่องเศรษฐกิจ การสร้างเมือง ห้องน้ำสาธารณะ การปลูกต้นไม้ เพราะหนังสือเป็นแหล่งความรู้ที่คนอื่นกลั่นมาให้เราแล้ว

นายชัชชาติ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครจะต้องเป็นเมืองแห่งการอ่านหนังสือ เชื่อว่าดูเทรนด์แล้วคนกรุงเทพฯอ่านเยอะขึ้น อาจจะเป็นการอ่านออนไลน์หรือจากโซเชียลมีเดีย แต่การอ่านทำให้เราคุ้นเคยเดี๋ยวเราจะรักการอ่านมากขึ้น ผมเชื่อว่ายอดปีนี้ก็ขอให้ถึง 1.5 ล้านคนได้ไหม น่าจะถึง พยายามชักชวนเพื่อนมาที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่ปรับปรุงใหม่ การเดินทางดีขึ้น และหวังว่ายอดผู้ชมจะถึง 1.5 ล้านคน แต่รวมๆเลยก็จะเป็นการจุดประกาย สร้างกรุงเทพฯให้เป็นเมืองแห่งความรู้ เป็นเมืองของการอ่าน และกระจายให้ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงหนังสือได้ ทางกทม.จะทำหน้าที่เป็นผู้เตรียมหนังสือให้หลากหลาย ให้ทุกคนสามารถเข้าถึงการอ่านได้ และได้ทุกเรื่องที่ตัวเองอ่าน ขอให้งานนี้ประสบความสำเร็จ เป็นร้อยเท่าพันเท่าอย่างที่ตั้งใจไว้” นายชัชชาติ กล่าว

ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊ก Yingyot Kansorn ที่แชร์ในเพจ Pheu Thai ใจตรงกัน – ครอบครัวเพื่อไทย